เผ่ามุนดารี่
เผ่ามุนดาริแห่งเซาท์ซูดาน มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่กับวัว...
เช้ามืดวันนี้ควันสีขาวลอยขโมงทั่วบริเวณ กลิ่นไหม้ผสมละอองขี้เถ้าปลิวเต็มอากาศ ฝูงวัวเกือบพันตัวกระจายอยู่ตามกองมูลวัวที่ถูกจุดไฟให้ความอบอุ่นไว้ทั่วบริเวณค่ายวัว ชาวเผ่ามุนดาริใช้ชีวิตอยู่ในค่ายวัว
ในขณะที่ผู้ใหญ่เผ่ามุนดาริบางคนยังนอนหลับอยู่บนผ้าที่ปูอยู่ข้างวัวตัวโปรด เด็กๆเริ่มต้นวันด้วยการทำความสะอาดลานวัว กวาดเอาขี้วัวไปโยนไว้ตามกองไฟ เอาขี้เถ้าจากการเผาชี้วัวมาถูนวดตัววัวเพื่อไล่แมลง และเอามาถูตัวเองไว้กันแดดตอนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูง ส่วนผู้หญิงก็เริ่มเตรียมกาแฟผสมขิงไว้เป็นอาหารเช้า
วัวที่พวกเขาเลี้ยงไว้สืบเชื้อสายไปเมื่อ 2,000 ปีก่อน ชื่อสายพันธุ์ ‘อังโกลวาตูซี่’ วัวเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเผ่ามุนดาริ วัวที่นี่จะไม่ฆ่ากินเนื้อ แต่จะกินแค่นมและโยเกิร์ต วัวเป็นเหมือนสกุลเงินที่ใช้บอกฐานะ ใช้เป็นสินสอดยิ่งมีวัวเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งมีภรรยาได้มากเท่านั้น ส่วนฉี่ของวัว...
‘วัวฉี่อยู่นั่นแล้ว’ วาดีชายหนุ่มชาวมุนดาริตะโกน
เนเน่รีบวิ่งเอาเหยือกสีฟ้าวิ่งไปที่ด้านหลังวัวเพื่อรองฉี่ เมื่อรองจนเต็มเธอก็เดินถือเหยือกฉี่มา วาดีเสื้อผ้า ก้มหัวลง แล้วเนเน่ก็เทฉี่เกือบทั้งเหยือกลงหัววาดีเพื่อให้เขาสระผม การสระผมด้วยฉี่จะทำวันเว้นวัน ตั้งใจให้ผมเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเพื่อดึงดูดหญิงสาว ยิ่งผมแดงเท่าไหร่ก็ยิ่งดูดีเท่านั้น จากนั้นฉี่ก็ถูกใช้เทล้างหน้าล้างตัว
พอได้ลองดมดู ก็แปลกใจว่าไม่มีกลิ่นของฉี่แบบที่คิด และถ้าให้พูดจริงๆตั้งแต่นอนอยู่ในแคมป์วัวเมื่อคืนก็ไม่ได้กลิ่นเหม็นจากขี้วัวเลย เป็นไปได้ว่าวัวที่นี่กินแค่หญ้าและเมื่อทุกอย่างเป็นออร์แกนิคหมด กลิ่นของฉี่กับขี้วัวเลยแทบไม่มี
เวลา 8 โมงกว่าๆ วัวทั้งฝูงจะถูกผู้ชายในเผ่าต้อนออกไปหาหญ้ากิน ที่นี่มีการแบ่งหน้าที่ของทุกคนอย่างชัดเจน ผู้หญิงและเด็กจะอยู่กันในบริเวณแคมป์ จัดการเรื่องความสะอาด และนั่งใต้ต้นมะม่วงที่ขึ้นอยู่เต็มเพื่อรอเตรียมอาหารเย็น ซึ่งเป็นอาหารมื้อเดียวของวัน
อาหารที่นี่ทำจากนมและแป้งจากธัญพืชเป็นหลัก ส่วนรสชาติก็ใช้น้ำตาล เกลือ และเนยถั่วปรุงเพิ่ม เน้นให้พลังงานสูง เป็นอาหารออร์แกนิก คนที่นี่เลยตัวสูงใหญ่และมีกำลังมาก
การมีโอกาสที่ได้เดินทางมาไกลถึงอีกฟากโลกนึง ได้นั่งกินข้าว หัวเราะเล่นและมีบทสนทนากับกลุ่มคนที่สืบต่อวิถีชีวิตที่แสนพิเศษนี้มายาวนานป็นโชคดีของตัวเอง ทุกที่ที่ไป เราหลงใหลในเรื่องราวของมนุษย์เสมอ เพราะในความต่างกันสุดขั้ว เราค้นพบว่ามนุษย์มีความเหมือนกันมากกว่าที่คิด แปลว่าเราสามารถทำความเข้าใจกันได้เสมอ แม้กลางค่ายวัวควันขโมงที่มืดสนิทมีเพียงแสงสีแดงจากกองไฟยามค่ำคืนนี้ก็ตาม
อ้างอิง : https://www.facebook.com/IRoamAlone
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น